วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

English language


English is a West Germanic language that arose in the Anglo-Saxon kingdoms of England and spread into what was to become south-east Scotland under the influence of the Anglian medieval kingdom of Northumbria. Following the economic, political, military, scientific, cultural, and colonial influence of Great Britain and the United Kingdom from the 18th century, via the British Empire, and of the United States since the mid-20th century, it has been widely dispersed around the world, become the leading language of international discourse, and has acquired use as lingua franca in many regions.It is widely learned as a second language and used as an official language of the European Union and many Commonwealth countries, as well as in many world organizations. It is the third most natively spoken language in the world, after Mandarin Chinese and Spanish. Historically, English originated from the fusion of languages and dialects, now collectively termed Old English, which were brought to the eastern coast of Great Britain by Germanic (Anglo-Saxon) settlers by the 5th century – with the word English being derived from the name of the Angles. A significant number of English words are constructed based on roots from Latin, because Latin in some form was the lingua franca of the Christian Church and of European intellectual life.The language was further influenced by the Old Norse language with Viking invasions in the 8th and 9th centuries.
The
Norman conquest of England in the 11th century gave rise to heavy borrowings from Norman-French, and vocabulary and spelling conventions began to give the superficial appearance of a close relationship with Romance languagesto what had now become Middle English. The Great Vowel Shift that began in the south of England in the 15th century is one of the historical events that mark the emergence of Modern English from Middle English.
Owing to the significant assimilation of various European languages throughout history, modern English contains a very large vocabulary. The
Oxford English Dictionary lists over 250,000 distinct words, not including many technical or slang terms, or words that belong to multiple word classes.

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไฟเบอร์ (Fiber) กากใยอาหารที่ช่วยให้เรามีสุขภาพดี








ไฟเบอร์หรือกากใยอาหารในผักผลไม้ ไม่เพียงช่วยระบบขับถ่ายของคุณ แต่ยังมีประโยชน์อีกมหาศาลที่คุณอาจนึกไม่ถึง กว่ายี่สิบปีที่เราได้ยินคำกล่าวที่ว่าควรกินกากใยอาหาร หรือไฟเบอร์ให้มากๆ บทบาทสำคัญของโภชนาการนี้ คือรักษาร่างกายให้ทำงานเหมือนนาฬิกา แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลอย่างเดียวที่คุณพึงบริโภคกากใยอาหาร มีหลักฐานแสดงว่าโภชนาการที่มีกากใยสูงนั้นจะช่วยปกป้องเราจากโรคหัวใจและมะเร็ง
ไฟเบอร์หรือกากใยอาหาร: ข้อเท็จจริงและประโยชน์ที่คุณควรรู้
ไฟเบอร์สำคัญต่อการรักษาระบบการย่อยอาหารทำให้มีสุขภาพดี และทำงานตามลำดับ โภชนาการที่มีกากใยต่ำ ส่งผลให้ท้องผูก การขับถ่ายเกิดความเจ็บปวดเพราะอุจจาระแข็ง เส้นโลหิตที่ทวารเบ่ง ปวดและเจ็บ ถ้าเราเพิ่มการรับกากใยอาหารจะช่วยให้ขับถ่ายได้สม่ำเสมอและลดความกดดันในท้องได้ดีขึ้น
ปริมาณไฟเบอร์ที่เหมาะสมกับร่างกาย
ปริมาณไฟเบอร์หรือกากใยอาหารต่อวันที่ร่างกายพึงได้รับ คือ 25 กรัม สำหรับผู้หญิง และ 30 กรัม สำหรับผู้ชาย ขณะที่เด็กวัย 1-8 ขวบ ต้องการไฟเบอร์อยู่ที่ 14-18 กรัม ขณะที่เด็กโตและวัยรุ่น ต้องการ 20-24 กรัม หลายคนหลงเชื่อว่าตัวเองกินไฟเบอร์เยอะแล้วทั้งๆ ที่ไม่ใช่ การกินสลัดเพียบนั้นไม่ได้หมายความว่าได้รับกากใยอาหารมาก ที่จริงสลัดมีกากใยมากอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการที่คุณกินมันหมด แปลว่าคุณได้รับไฟเบอร์ที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันแล้ว








กากใยช่วยหัวใจของคุณ
นักวิทยาศาสตร์พบว่ากากใยเพิ่มพิเศษวันละ 10 กรัมนั้น จะช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ถึง 17% และลดการเสียชีวิตลงไปได้ถึง 9%
เริ่มต้นรับไฟเบอร์ให้เพียงพอต่อความต้องการ
เมื่อคุณเริ่มเพิ่มปริมาณกากใยอาหาร ควรทำแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับตัว ทั้งนี้กากใยที่รับมากเกินไป อาจทำให้ร่างกายเกิดบวมน้ำ และมีลมในท้อง แบคทีเรียซึ่งกินกากใยในการขับถ่าย จะสร้างแก๊สมากขึ้นในขณะที่คุณกลับกลั้นไว้ ซึ่งจะทำให้อาการแย่ลง ส่งผลให้คุณบวมน้ำ และอึดอัด
ไฟเบอร์ลดความเสี่ยงมะเร็งได้
การค้นคว้าของสถาบันมะเร็งของสหรัฐอเมริกา พบว่าการกินโฮลเกรน และอาหารที่มีกากใยอาหารหรือไฟเบอร์เพียงพอ จะช่วยลดโอกาสในการเป็นมะเร็งในลำไส้ลงได้ถึง 49% นักวิทยาศาสตร์ทำการวิเคราะห์ข้อมูลพบว่าคนที่กินกากใยสูงสุดจากเมล็ดพันธ์ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งที่ทวารหนักลงได้อย่างมาก
กากใยบำรุงสายตา








การบริโภคกากใยอาหารหรือไฟเบอร์ที่เพียงพอ ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อบริเวณสายตาของคุณ
การบริโภคกากใยในปริมาณสูง จะช่วยปกป้องดวงตาของคุณ จากข้อมูลพบว่า สาเหตุหนึ่งของการตาบอดมากที่สุดเกิดจากกล้ามเนื้อบริเวณดังกล่าวเสื่อม โดยพบมากในคนที่รับประทานอาหารประเภทที่มีการดูดซึมเป็นพลังงานรวดเร็ว หรือมีค่าดัชนีไกลซีมิก (Glycemic idex) สูง ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการเกิดโรคตา เมื่อเทียบกับคนที่ทานอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ขนมปังโฮลเกรน และซีเรียลธัญพืชจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า
ค่าดัชนีไกลซีมิก หรืออัตราการดูดซึมไปใช้ (Glycemic Index) ที่สูง จะส่งผลให้ระดับน้ำตาลขึ้นสูงก่อนลดลงวูบต่ำอย่างรวดเร็ว ขณะที่อาหารที่มีไฟเบอร์สูงจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ดี และช่วยควบคุมความอยากอาหารของคุณ
กระจายการบริโภคไฟเบอร์ในแต่ละมื้อ
แทนที่คุณจะเลือกกินไฟเบอร์หรือกากใยอาหารในหนึ่งมื้อให้พอต่อวัน คุณอาจเลือกกระจายปริมาณออกไปในแต่ละมื้อ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเรื่องท้องอืด
ประเภทของกากใยอาหารหรือไฟเบอร์ที่ควรรู้
ไฟเบอร์อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ชนิดละลายน้ำได้ และแบบละลายน้ำไม่ได้ โดยในแบบละลายน้ำได้ มีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเส้นเลือด ซึ่งมีมากในรำข้าว ผักใบเขียว และผลไม้ต่างๆ ส่วนไฟเบอร์แบบที่ละลายน้ำไม่ได้ จะมีประโยชน์ในเรื่องของการย่อยอาหารให้ทำงานปกติ ป้องกันการท้องผูกและความผิดปกติในลำไส้ซึ่งจะมีมากในพืชตระกูลถั่ว ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ โดยคนเราควรได้รับไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำไม่ได้ และละลายน้ำได้ในอัตรา 70:30